ทฤษฎี : Pure Trending Theory
📘 Pure Trending Theory™
“การวัดแนวโน้มแท้จริงจากโครงสร้างราคาที่เปลี่ยนแปลงโดยไม่ต้องพึ่งอินดิเคเตอร์ใด ๆ โดยอิงกับฐานและปลายแนวโน้มที่ถูกต้องตามลำดับการเปลี่ยนแปลงจุดสูงสุดและต่ำสุดแบบมีนัยสำคัญ”
🧠 Core Principle:
ทุกแนวโน้มแท้ต้องเริ่มจาก “การสลายโครงสร้างเดิม” → เกิดโครงสร้างใหม่
ทุกแนวโน้มแท้ต้องมี จุดเริ่มต้นจริง (True Base) และ จุดสิ้นสุดจริง (True Peak) ที่ไม่ใช่จุดล่าสุดเสมอ
การวัดใช้เพียง “โครงสร้าง HH, HL, LH, LL” อย่างเดียว
🔺 วัฏจักรแนวโน้มขาขึ้น (Bullish Trending)
✅ จุดเริ่มวัดจริง (True Start):
🧭 การวัดระหว่างแนวโน้ม:
❌ จุดสิ้นสุดวัดจริง (True End):
🔻 วัฏจักรแนวโน้มขาลง (Bearish Trending)
✅ จุดเริ่มวัดจริง (True Start):
🧭 การวัดระหว่างแนวโน้ม:
❌ จุดสิ้นสุดวัดจริง (True End):
✅ กฎสำคัญของการวัดแนวโน้ม
1. ใช้เฉพาะโครงสร้าง
HH, HL, LH, LL ที่เกิดจากการ Break High/Low อย่างชัดเจน
2. เริ่มวัดเมื่อเกิดการเปลี่ยนพฤติกรรม
เช่น จาก LL → HL → HH ถือว่าเริ่มขาขึ้น
3. วัดจาก “ฐานก่อนโครงสร้างใหม่”
ไม่ใช่จุดต่ำสุด/สูงสุดทันที แต่ต้องย้อนไปจุดก่อนหน้า
4. หยุดวัดเมื่อโครงสร้างเปลี่ยนอีกครั้ง
เช่น จาก HL → HH → LH → LL = สิ้นสุดขาขึ้น
5. ขนาดและความชันไม่สำคัญ
สำคัญเฉพาะลำดับและทิศทางของโครงสร้าง
🎯 จุดประสงค์ของ Pure Trending Theory
🔍 วัดช่วง “แรงขับเคลื่อนหลัก” ที่มีนัยสำคัญ
🧠 ใช้เข้าใจพฤติกรรมของตลาดแท้จริงโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือเสริม
🔄 ต่อกับการบริหารจุดเข้า/ออกตาม พฤติกรรมแนวโน้มแท้
Metrics
"ทฤษฎีที่มุ่งเน้นการวัดแนวโน้มจริง (True Trend) ผ่านชุดตัวชี้วัดทางสถิติในกรอบเวลาคงที่ เพื่อกรองความมั่ว ปลอม หรือชั่วคราวของการเคลื่อนไหวของราคา"
🔹 แนวคิดหลัก (Core Concepts)
Fixed Range = ความแน่นอนของช่วงเวลา
ไม่เปลี่ยนระยะวัดตามบาร์ เช่น MA แต่ยึดช่วง "จุดเริ่มต้น → จุดสิ้นสุด" ที่เรากำหนดเอง (manual หรือผ่าน logic)
เช่น: Swing High → Swing Low, หรือ ช่วงข่าวเศรษฐกิจ
Trending = การวัดแนวโน้มแบบปรับตัว
ไม่ใช่แค่มองเส้น EMA หรือ Trendline แต่ดูว่า "แนวโน้มนั้นมีคุณภาพและสถิติรองรับหรือไม่"
Metrics = ตัวชี้วัดเชิงลึก
วัดความจริงของแนวโน้มผ่านชุดค่าเชิงสถิติ เช่น Slope, Angle, StdDev, R, R², Momentum Score
🔹 กลไกการทำงาน (How It Works)
1. เลือกช่วงข้อมูล (Fixed Range)
กำหนดจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด เช่น High ล่าสุด → Low ล่าสุด
2. สร้าง Linear Regression Line
ใช้ Linear Fit จากราคาตามเวลาภายในช่วงนั้น
3. คำนวณ Metrics
ดึงค่าต่างๆ เช่น ความชัน, ความสัมพันธ์, ความเบี่ยงเบน
4. วิเคราะห์ “คุณภาพแนวโน้ม”
ใช้ Threshold เพื่อยืนยันว่าแนวโน้มนี้ “จริง” หรือ “หลอก”
5. ใช้งานในกลยุทธ์ FlowWay
ตัดสินใจเข้าหรือหลีกเลี่ยงแนวโน้มตามคุณภาพเทรนด์
🔹 Metrics แบบละเอียดในบริบท Fixed Range
Slope
วัดความชันของแนวโน้ม
Slope > 0.2 หรือ < -0.2 (ขึ้นหรือลงแรง)
Angle
มุมของ Slope เมื่อแปลงเป็นองศา
> 20° ขึ้นไป = เทรนด์เริ่มแรง
StdDev
การเบี่ยงเบนของราคาจาก Regression Line
ต่ำ = เทรนด์สม่ำเสมอ, สูง = มี noise
R (Correlation)
ความสัมพันธ์ระหว่างราคาและเวลา
R² (Determination)
วัดคุณภาพการคาดการณ์จากเส้นแนวโน้ม
> 0.70 = แนวโน้มเชื่อถือได้
Momentum Angle / Score
วัดการเปลี่ยนแปลงราคาเชิงเร่ง
ค่าสูง = เทรนด์กำลังขยายแรง
Last updated