ข้อดีข้อเสีย High Stakes
💡 ข้อดีของโปรแกรม High Stakes
ส่วนแบ่งกำไรสูงสุด: เริ่มต้นที่ 80% และเพิ่มขึ้นถึง 100%
เงินเดือนประจำ: เมื่อถึงระดับบัญชีที่กำหนด จะได้รับเงินเดือนประจำ
เลเวอเรจสูงสุด: 1:100
เงื่อนไขการเทรดที่ยืดหยุ่น: อนุญาตให้ถือออเดอร์ข้ามคืนและช่วงข่าวสาร
การเติบโตของบัญชีที่รวดเร็ว: สามารถขยายบัญชีได้ถึง $500,000
ไม่มีการจำกัดเวลาในการผ่านขั้นตอนการประเมิน
📌 ข้อกำหนดเพิ่มเติม
การไม่ใช้งาน: หากไม่มีการเทรดเป็นเวลา 30 วัน บัญชีจะหมดอายุ
จำนวนบัญชีที่อนุญาต: เทรดเดอร์สามารถมีบัญชี High Stakes ได้สูงสุด 3 บัญชี (1 บัญชี $5K, 1 บัญชี $20K, และ 1 บัญชีอื่นๆ)
แพลตฟอร์มที่ใช้: MT5 Hedge
สินทรัพย์ที่เทรดได้: Forex, โลหะมีค่า, ดัชนี, น้ำมัน, และคริปโตเคอเรนซี
❌ ข้อเสีย / ความเสี่ยงของ High Stakes Program
1. ข้อจำกัดด้านขาดทุน (Drawdown Limits) เข้มงวด
ขาดทุนรวมสูงสุด 10% และ ขาดทุนรายวันไม่เกิน 5% ซึ่งถือว่าแคบมากสำหรับเทรดเดอร์ที่เทรดแนว aggressive หรือ high-volatility pairs
หากโดน SL หลายครั้งติดต่อกัน หรือเจอข่าวแรงๆ อาจหลุดกฎได้ง่าย
2. ค่าสมัครเริ่มต้นสูง
ค่าสมัครอาจสูง (โดยเฉพาะระดับ $60,000 หรือ $100,000) เช่น ค่าสมัครระดับ $100K สูงถึง ~$600+ ขึ้นไป
ถึงแม้จะคืนเงินเมื่อผ่าน แต่ถ้าไม่ผ่าน จะเสียไปเลย
3. ต้องมีวินัยสูงมาก
ต้องรักษา กำไรแบบต่อเนื่อง (3 วันขึ้นไป และแต่ละวันต้องกำไร ≥ 0.5%)
ไม่เหมาะกับคนที่เทรดน้อยครั้งแบบ sniper หรือรอจังหวะนานๆ
4. ไม่มีการใช้ EA (บางกรณี) หรือ Trading Restrictions อื่น
แม้จะเปิดกว้างกว่า prop firm อื่นๆ แต่ยังคงมีข้อจำกัด เช่น:
ไม่อนุญาต arbitrage, HFT บางแบบ, copy trading (ต้องตรวจสอบละเอียด)
เทรดผิดเงื่อนไขระบบตรวจสอบอัตโนมัติอาจตัดสิทธิ์
5. มีวันหมดอายุบัญชีหากไม่เทรด (Inactive 30 วัน)
หากเทรดเดอร์พักเทรดนาน (เช่น เดินทาง หรือพักตลาด) บัญชีอาจหมดอายุ
6. โปรแกรมเติบโตถึงระดับบนต้องใช้เวลา
ถึงแม้มีแผนเติบโตถึง $500,000 + เงินเดือน แต่ต้องผ่านหลายขั้นตอน + ทำกำไรอย่างสม่ำเสมอ
เทรดเดอร์ที่ไม่สามารถรักษา consistency จะไปไม่ถึงจุดนั้น
7. อาจไม่เหมาะกับเทรดเดอร์มือใหม่
ด้วยความเข้มงวดของกฎ และทุนจิตวิทยาสูง อาจทำให้เทรดเดอร์มือใหม่ล้มเหลวเร็ว
Last updated